การเดินทางเข้าสู่จังหวัดเลยทางรถยนต์จากกรุงเทพมหานครนั้นสามารถเลือกใช้ได้หลายเส้นทาง วันนี้ จะขอพาท่องเที่ยวไปบนเส้นทางประตูสู่ภาคอีสานที่ภูหลวง เมืองแห่งธรรมชาติและของดีมากมาย

 การเดินทางเข้าสู่อำเภอภูหลวง จะใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 203 เมื่อออกจากตัวอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ มาประมาณ 12 กิโลเมตร จะต้องเลี้ยวขวาที่แยกกกสะทอน เพื่อเข้าสู่เส้นทางหลวงหมายเลข 2216 (สายกกกะทอน-ห้วยสนามทราย) มีระยะทางอีกประมาณ 24 กิโลเมตร แล้วแยกซ้ายอีกครั้งเพื่อเข้าสู่เส้นทางหลวงหมายเลย 2016 (วังสะพุง – เลยวังไสย์ – น้ำหนาว) ตรงมาตามเส้นทางอีกประมาณ 19 กิโลเมตร ก็จะเข้าสู่จังหวัดเลยที่ตำบลเลยวังไสย์ อำเภอภูหลวง เส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางที่ตัดไปตามแนวของสันเขาทำให้ทัศนียภาพตลอดสองข้าง ทางจะเต็มไปด้วยป่าไม้สลับกับพื้นที่ทำการเกษตรของชาวบ้าน

ป้ายยินดีต้อนรับเข้าสู่จังหวัดเลยที่ตั้งอยู่ริมทางของเนินเขาลูกหนึ่งเป็น เสมือนประตูเปิดต้อนรับนักเดินทางทเพื่อจะเข้าสู่เขตภาคอีสาน ผ่านจากจุดนั้นไปไม่ไกลนักบนไหล่ทางทางด้านซ้ายมือจะมี จุดชมวิวน้ำตกเลยหง่า (17° 4.469'N 101° 29.821'E) ที่สามารถมองเห็นสายน้ำตกสีขาวที่ไหลลงมาจากหน้าผาของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวงเป็นสายธารต้นกำเนิดแห่งหนึ่งของแม่น้ำเลย  ขับรถไปกันต่อบนเส้นทางสายนี้ยังมีจุดให้แวะท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่าง น้ำตกตาดกกทับ (17° 3.249'N, 101° 31.846'E ) ซึ่งเป็นน้ำตกที่อยู่ในเส้นทางไหลผ่านของแม่น้ำเลย  คำว่า “ตาด” เป็นภาษาอีสาน หมายถึง บริเวณที่สายน้ำในลำน้ำไหลตกลงสู่พื้นที่เบื้องล่างที่มีความต่างระดับกัน จนทำให้เกิดเป็นน้ำตกขึ้นนั่นเอง  

ไม่ไกลจากกันนักจะมีศูนย์กสิกรรมธรรมชาติภูหลวง ที่ดำเนินการโดยมูลนิธิเลยเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน (17° 3.907'N, 101° 33.323'E) เพื่อเผยแพร่แนวคิดการทำเกษตรอินทรีย์ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเปิด เป็นศูนย์อบรมที่มีหลักสูตรฝึกอบรมทั้งระยะสั้นและระยะยาวให้กับผู้ที่สนใจ ได้เข้าไปเรียนรู้กันด้วย

จากนั้นกลับออกมาสู่เส้นทางเดิมเดินทางต่อไปอีกนิด  ทางซ้ายมือจะมีถนนที่เลี้ยวเข้าไปสู่น้ำตกชื่นชีวิน (17° 4.743'N, 101° 34.052'E) ซึ่งเป็นน้ำตกที่เกิดขึ้นจากห้วยน้ำคู้ซึ่งมีต้นกำเนิดจากเทือกเขาภูหลวง ตัวน้ำตกนั้นเป็นลานหินขนาดใหญ่ ที่ลดระดับลงเป็นขั้นๆ และชั้นสุดท้ายมีความสูงประมาณ 4-5 เมตร เบื้องล่างเป็นแอ่งน้ำมีความลึกพอที่จะให้กระโดดลงไปเล่นได้ด้วย
พื้นที่ส่วนใหญ่ของอำเภอภูหลวงเป็นพื้นที่กสิกรรมสลับกับพื้นที่ป่าไม้  หาก เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน จะพบกับทิวทัศน์ของพืชพันธุ์ต่างๆ เป็นสีเขียวไปตลอดสองข้างทางตัดกับแนวของเทือกเขาภูหลวงที่อยู่ทางด้านซ้าย หากเป็นการเดินทางมาจากจังหวัดเพชรบูรณ์ และฝั่งตรงกันข้ามก็จะมองเห็นภูหอ ภูเขาหินทรายยอดตัดและมีรูปร่างแปลกตาเหมือนชามคว่ำ ซึ่งเกิดขึ้นจากการสร้างสรรค์ของธรรมชาติจนมีสัณฐานคล้ายกับภูกระดึงแต่ พื้นที่ด้านบนมีขนาดเล็กกว่าและช่วงก่อนถึงยอดมีลักษณะเป็นหน้าผาชัน 

ราบบริเวณรอบภูหอนั้นเป็นนาข้าว ซึ่งการทำนาในพื้นที่จังหวัดเลยจะเป็นการทำนาแบบนาดำที่ยังใช้แรงงานคนเป็น หลัก การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวบนเส้นทางนี้ในช่วงประมาณเดือน มิ.ย.- ส.ค. ของทุกปี นักเดินทางจะได้พบกับกิจกรรมการรวมกลุ่มกันปักดำนาโดยมีฉากหลังเป็นภูยอดตัด ของภูหอและท้องฟ้าสีคราม ในบางช่วงเวลาที่ยอดภูแห่งนี้จะเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ เป็นกลุ่มเมฆสีขาวที่ก่อตัวขึ้นปกคลุมที่บริเวณส่วนยอดของภูหอ ทำให้มองดูเหมือนกับว่ายอดภูถูกปกคลุมด้วยหิมะ คล้ายกับภาพของยอดภูเขาไฟฟูจิของประเทศญี่ปุ่น 

อำเภอภูหลวงแห่งนี้ตามคำบอกเล่าของ อาจารย์ทองหล่อ ศรีหนารถ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอภูหลวงนั้นยังมีเรื่องเล่าขานกันในท้องถิ่นเกี่ยวกับ ตำนานพญาช้างและนางผมหอม ที่มีการผูกเรื่องราวไว้กับสถานที่ต่างๆ ของอำเภอภูหลวงและพื้นที่ใกล้เคียงเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ จนกลายเป็นที่มาของการจัดงานบุญประเพณีประจำปีของชาวภูหลวงมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งจะจัดกันในช่วงเดือนกุมภาพันธ์  เรื่อง เล่าคร่าวๆ มีอยู่ว่า นานมาแล้วตำบลภูหอมีหญิงสาวหน้าตาสวยงามจนเป็นที่กล่าวถึงในละแวกนั้น วันหนึ่งนางได้ออกไปเที่ยวป่าและได้พลัดหลงกับเพื่อน ด้วยความกระหายน้ำ นางจึงได้ดื่มน้ำที่ขังอยู่ในรอยเท้าช้าง เมื่อกลับออกมาจากป่า นางก็ได้ตั้งครรภ์ขึ้นและคลอดออกมาเป็นเด็กผู้หญิงที่เส้นผมมีกลิ่นหอม จึงถูกตั้งชื่อว่า “นางผมหอม” ต่อ มานางพลัดหลงป่าอีกครั้งแต่ครั้งนี้นางไปดื่มน้ำในรอยเท้าของวัวป่าและได้ ตั้งครรภ์คลอดออกมาเป็นเด็กผู้หญิงอีกคน จึงได้ตั้งชื่อว่า “นางลุน”
เวลาผ่านไป เด็กทั้งสองโตขึ้นเป็นสาว จึงได้ออกไปตามหาพ่อในป่า จนไปเจอกับพญาช้างเชือกหนึ่งที่วิ่งรี่หมายจะเข้ามาทำร้าย ด้วยความกลัวทั้งสองจึงยกมือไหว้เพื่อขอชีวิตและเล่าเรื่องทั้งหมดให้พญา ช้างฟัง พอได้ฟังดังนั้นพญาช้างก็เกิดความสงสัย จึงอธิษฐานว่าหากผู้ใดเป็นลูกก็ขอให้ปีนงาขึ้นมาขี่หลังตนได้ ผลปรากฏว่า นางผมหอมสามารถปีนขึ้นไปนั่งบนหลังของพญาช้างได้ ส่วนนางลุนไม่ว่าจะพยายามเท่าไรก็ไม่สามารถปีนได้ เมื่อพญาช้างรู้ว่านางลุนไม่ใช่ลูกก็โมโหและเหยียบนางลุนจนตาย แล้วจึงพานางผมหอมเข้าไปอยู่ในป่าภูหอกับตนและสร้างปราสาทหินให้อยู่หนึ่ง หลัง

นางผมหอมชอบไปอาบน้ำที่ “หนองบัว” (คือ บ้านหนองบัว ต.ภูหอ อ.ภูหลวง) และที่ “ลำธารปากห้วยหอม” (คือ ต.หนองคัน อ.ภูหลวง) ครั้นนางผมหอมเติบโตขึ้นเป็นสาวก็เริ่มคิดอยากมีคู่ครอง นางจึงเอาเส้นผมสามเส้นพร้อมสารรักใส่ลงในผอบแล้วปล่อยลอยตามน้ำไป  ผอบลอยมาจนถึง “เมืองเซไล” (เชื่อว่า คือ บ้านทรายขาว ต.ทรายขาว อ.วังสะพุง และถูกเก็บได้โดยท้าววรจิตร เจ้าชายแห่งเมืองเซไล  ด้วย ความสเน่หาท้าววรจิตร จึงได้ออกเดินทางติดตามหาเจ้าของเส้นผมเหล่านั้น ทวนน้ำขึ้นไปยังต้นน้ำปากห้วยหอมจนได้พบกับนางผมหอม ทั้งคู่ครองรักอยู่บนประสาทหลายปี จนกระทั่งพญาช้างรู้เข้าก็โมโหจึงใช้งางัดปราสาทจนทลายลงกลายเป็นภูหอที่มี สภาพเหมือนในปัจจุบัน พญาช้างเสียใจร้องไห้จนเป็นที่มาของ “หนองน้ำตาช้าง” พร้อมสั่งเสียนางผมหอมว่าหากตนสิ้นใจก็ให้เอางามาทำเป็นเรือเพื่อพาลูกและสามีกลับเมืองเซไล จากนั้นพญาช้างก็สิ้นใจลงที่ “เดิ่น (ลาน) ช้างตาย” (ลานกว้าง ที่อยู่บริเวณตีนภูหอ) เมื่อเก็บศพพ่อเสร็จ นางผมหอมได้เอางาและกระดูกมาทำเรือตามที่พ่อสั่งเสียแล้วกลับเมืองเซไลไป พร้อมกับท้าววรจิตร จากเรื่องเล่าดังกล่าวทำให้ปัจจุบันมีการตั้งศาลพญาช้างนางผมหอมขึ้นโดยตั้งอยู่ที่วัดโนนสว่าง บ.หนองบัว ต.ภูหอ (17° 7.955'N, 101° 38.472'E)

อำเภอภูหลวงยังมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปเนื้อสัตว์ภูหลวง (17° 8.501'N, 101° 39.887'E) ที่เกิดจากรวมตัวกันของกลุ่มแม่บ้านศรีภูหลวง มีผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่ออย่างหมูยอบรรจุในกระบอกไม้ไผ่หรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า “หลามหมูยอภูหลวง” ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ให้ได้ไปลิ้มลองกัน นอกจากนี้ก็ยังมีของหวานที่ถูกปากคนทุกวัยอย่างกล้วยตากอบน้ำผึ้งให้ได้ซื้อ กลับไปเป็นของฝากหรือรับประทานระหว่างเดินทางกันอีกด้วย
แหล่งบริการที่พักในอำเภอภูหลวงนั้นมีไม่มากนัก ผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวควรมีการวางแผนการเดินทางล่วงหน้าเพื่อสำรองที่ พักในอำเภอใกล้เคียง ได้แก่ อำเภอหนองหิน อำเภอวังสะพุงหรืออำเภอเมืองเลย   วันนี้ขอแนะนำอำเภอเล็กๆ แห่งนี้เอาไว้เท่านี้ก่อน  ภูหลวงยังมีจุดสามารถท่องเที่ยวได้อีกหลายแหล่ง วันหลัง สพพ.5 จะเก็บมาเล่าสู่กันอ่านกันใหม่นะครับ....

 

 

ขอบคุณเรื่องและภาพจาก:http://www.dasta.or.th/th/News/detail_knowledge.php?ID=1700

 

 

 

 

Go to top