ชีวิตคนเราส่วนใหญ่มักผ่านการบลูลี่มาแล้วทั้งนั้น อยู่ที่ว่าคนๆนั้นจะโดนมากหรือโดนน้อย แต่ยังไงซะมันก็ไม่เป็นผลดีกับใครทั้งนั้น เพราะการบลูลี่อาจทำให้กลายเป็นปมด้อยของผู้ถูกกระทำก็ได้

การบลูลี่ บางคนอาจจะไม่ได้เก็ทกับคำนี้ 100% หรอก แต่ถ้าพูดว่า เหยียด เท่านั้นหล่ะ รู้เรื่องกันเลยทีเดียว เพราะคำว่าบลูลี่ แปลกันง่ายๆก็คือ การเหยียดหรือ            ดูถูก นั่นเอง นิสัยคนเราก็อยู่ที่ตัวเรา ถ้าคำพูดของคุณทำร้าย คนๆหนึ่ง ก็ควรไตร่ตรองพฤติกรรมตัวเองได้แล้วว่า ในคำพูดของคุณอาจแฝงไปด้วยการ บลูลี่ ก็ได้ เช่น การเหยียดรูปร่างหน้าตา ฐานะ ไลฟ์สไตล์ กลั่นแกล้ง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวและแย่มากในสายตาสังคมส่วนใหญ่ ถ้าแลกการโดนถูกกระทำ คิดว่าคุณคงน่าจะขวัญเสียและขำไม่ออกเช่นเดียวกันแน่ๆ คนรวยส่วนใหญ่ก็มักดูถูกคนจนอยู่แล้ว แม้ตัวเองจะดำหรืออ้วน มีเงินก็สามารถร่างตัวเองให้ใหม่ได้ เช่น การไปฉีดผิว ดูดไขมัน ทำหน้า พอตัวเองดีพอที่จะสามารถไม่กระทบตัวเอง ก็พ่นไฟใส่คนอื่นได้อย่างสนุกปาก ถ้าเป็นคนจิตใจดีมากพอก็ไม่ควรกระทำตั้งแต่เริ่ม บางคนอาจจะไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น หรือ รู้สึกผิดจริงๆ  ก็ควรรับผิดชอบ โดยการกล่าวขอโทษ คำว่า ขอโทษสั้นๆ ก็ทำให้คนๆนั้น รู้สึกโอเคขึ้นมาบ้าง บางความสัมพันธ์ถึงขั้นตัดขาดกันเพราะคำว่า บลูลี่ คือต้นเหตุ บางคนมักบอกว่า พูดเล่น พูดเท็จ ไม่ได้คิดอะไร อย่าคิดมาก ขำๆ ไม่มีทางรู้สึกถึงการโดนกระทำหรอก เพราะนิสัยการคิดมากของแต่ละคนแตกต่างกันไป บางคนคิดมากแต่ไม่ถึงกับหมกมุ่นทำร้ายจิตใจตัวเอง แต่บางคนมันไม่ใช่แบบนั้น แม้จะเป็นคำพูดที่แกล้งกัน ก็สามารถทำให้คนโดนกระทำคิดมากถึงขั้นฆ่าตัวตายกันมาแล้ว คนเรามีขีดจำกัดด้านความอดทน ถ้าการโดนกระทำมันเกินลิมิตที่เรารับไหว ก็อาจจะเกิดสถานการณ์อันไม่คาดคิดออกมาได้ หรืออาจรุนแรงถึงขั้น ฆ่ากันตาย ก็มี ปัจจุบันสังคมให้ความสำคัญกับคำว่า หยุดบลูลี่ ยุคสมัยนี้เขาไม่มีใครมานั่งบลูลี่กันแล้ว และ ต้องไม่มีใครต้องมาโดนกระทำกับคำเหล่านี้อีกแล้ว

               วัยรุ่นวัยเรียนวัยมัธยม คือแหล่ง ที่คนถูกกระทำจากการ บลูลี่ มากที่สุด เพราะโรงเรียน คือสังคมรวมบุคคลหลายชนชั้น หลายฐานะ หลายนิสัย เรียนห้องเดียวกันก็ใช่ว่าจะเข้ากันได้หมดทุกคน นักเรียนส่วนใหญ่ไปโรงเรียนก็ต้องการเพื่อนร่วมแก๊ง ร่วมเล่น ร่วมกินข้าวกันทั้งนั้น ส่วนน้อยที่จะต้องมานั่งกินข้าวคนเดียว ไม่มีเพื่อนเล่น ความเป็นแก๊งนี่หล่ะ  น่ากลัว น่ากลัวในที่นี้ก็ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล ถ้าเจอเพื่อนดี ปัญหาจะไม่เกิด แต่ถ้าเจอเพื่อนแย่ พาไปทางที่ผิด ก็ต้องยั้งคิดว่าเราคบแล้วชีวิตเรา Happy แล้วหรอ แต่ส่วนใหญ่ด้วยวัยนิสัยนี้ ก็มักขาดสติ ตามเพื่อนกันซะส่วนใหญ่ บางแก๊งชอบทำเป็นใหญ่ในห้องเรียน บางแก๊งขี้แขวะคนที่มักได้ดีกว่าตัวเอง นิสัยหลักก็มาจากการเห็นแก่ตัวของคนมากกว่า ความเห็นแก่ตัวนี่หล่ะ ทำให้เราสามารถสร้างคำบริบท แย่ๆออกจากความคิดออกมาโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ขึ้นอยู่กับสติบุคคล คำพูดคนก็สามารถเป็นอาวุธฆ่าจิตใจคนได้ อยู่ในสังคมแบบนี้ไม่มีทางมีความสุขได้ เพราะสิ่งแวดล้อมและคนรอบข้างพาให้เป็นแบบนั้น จุดจบของสายกร่างมักจบไม่สวย เว้นแต่จะปรับปรุงตัวเอง และเปลี่ยนแปลงตัวเอง อาจทำให้สังคมการไปโรงเรียนของเราน่าอยู่ขึ้นและแฮปปี้ขึ้นก็ได้นะ อีกอย่างถ้าเราเป็นคนหัวสมัยใหม่ล่ะก็ คำว่า บลูลี่ จะไม่เกิด เพราะคนสมัยใหม่โดนใส่ความรู้ความกระจ่าง ผ่านโลกโซเชี่ยล ที่รู้ว่าสังคมส่วนมากไม่เห็นด้วย พร้อมตราหน้าว่าคนกระทำเป็นคนนิสัยไม่ต่างจากเดรัจฉาน จึงทำให้ผู้คนยั้งคิด มีสติ กับคำพูดมากขึ้น รวมถึงความเห็นใจจากการเห็นคนโดนกระทำต่างๆ จึงเป็นเหตุให้การบลูลี่ลดน้อยลงทางสังคมนั่นเอง

                  ยุคสมัยเปลี่ยน ก็ทำให้อะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไป ทั้งความคิดคน ความคิดเห็น การมองเห็น การเผยแพร่เรื่องใดเรื่องนึงให้สังคมรับรู้ ระบายความทุกข์ หรือการประนาม ก็ทำให้เรื่องพวกนี้ทำได้ง่าย เห็นได้ง่าย มีสติได้ง่าย จากสื่อโซเชี่ยลสมัยนี้ จึงทำให้ผู้กระทำลดน้อยลงจากสังคม แต่คำว่าน้อยลง ก็แปลว่ายังมีอยู่ แต่ยังไงก็ตามถ้าเราเป็นคนสมัยใหม่

มากพอก็หยุดซะ สังคมมักให้การกับคำ บลูลี่ ว่า สมัยนี้ยังมีการบลูลี่กันอยู่อีกหรอ คำพูดนี้ใช้ได้กับยุคนี้จริงๆ ถ้าเราโดนกระทำจริงๆ ก็เอาคำๆนี้ไปใช้กับคนกระทำได้เลย แค่สั้นๆอย่าได้ต่อล้อต่อเถียง แค่นี้ฝั่งนั้นก็คงต้องมุดหัวเสริช Google Facebook Twitter กันเลยทีเดียว หมดยุคของผู้ถูกกระทำ พูดกับตัวเองเสมอว่า ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น และเป็นตัวของตัวเองต่อไป อย่าได้แคร์คำพูดของคนเหล่านั้น มองความเป็นจริง ไม่ว่าฐานะเราจะเป็นยังไง ก็ขอให้คิดและมองกลับกันว่าอนาคตเราจะทำให้ครอบครัวสบาย ตอนนี้เราจน เราจะพยายามทำมันให้ได้ ไม่ว่าจะได้มากหรือน้อย อย่างน้อยถ้าเราเลี้ยงคนในครอบครัวได้ ก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว ปมด้อยอะไรเราไม่มี เรามีแต่จุดตัดพ้อย ว่าพ้อยนี้เราไม่โอ เราก็ไปพ้อยที่เราถนัดมากกว่า ปรับปรุงพัฒนาในหน้าที่เพื่ออนาคตของเราดีที่สุด และให้คนกระทำมันแพ้ภัยตนไปเอง พยายามเอาใจเขามาใส่ใจเรา แคร์ความรู้สึกคนรอบข้าง และการใช้ชีวิตเราจะแฮปปี้กับมันเอง

                

Go to top